การอ่าน “ราคาบอล” หรือ “อัตราต่อรองฟุตบอล” ถ้าอ่านผิดก็แทงผิด แถมเป็นตัวชี้วัดว่าในนัดนั้นๆทีมไหนได้เปรียบเสียเปรียบ วัดความน่าจะเป็นออกมาผ่านทางราคาได้เลยทันที
ถ้าหากอ่านราคาผิด ก็จะทำให้
- กดผิดราคา ที่คิดไว้อาจจะชนะ แต่กดผิดก็เท่ากับ “ขาดทุน” อยู่ดี
- มองทีมต่อและรองไม่ออก ทำให้ลงเดิมพันผิดพลาด

แล้วราคาบอลอ่านยังไง?
เริ่มกันที่
ราคาบอลแบบแฮนดิแคป (Handicap หรือ HDP)
เป็นราคาที่พบเห็นบ่อยที่สุด โดยจะมีการ “ต่อรอง” ระหว่างทีมที่เหนือกว่า (ทีมต่อ) กับทีมที่ด้อยกว่า (ทีมรอง) เพื่อให้เกมมีความสมดุลมากขึ้น และเพิ่มความน่าสนใจในการเดิมพัน ผลแพ้ชนะจะดูจากผลต่างของประตูที่เกิดขึ้นในเกมนั้นๆ โดยนำแฮนดิแคปมาหักลบหรือบวกเพิ่ม
- 0 (ราคาเสมอ / ไม่มีต่อ): ไม่มีการต่อรอง ไม่ว่าใครชนะก็ได้เต็ม ถ้าเสมอคืนทุน
- 0-0.5 หรือ 0.25 (เสมอควบครึ่ง / ปป.):
- ทีมต่อ: ต้องชนะเท่านั้นถึงจะได้เต็ม ถ้าเสมอเสียครึ่ง ถ้าแพ้เสียเต็ม
- ทีมรอง: ถ้าชนะได้เต็ม ถ้าเสมอได้ครึ่ง ถ้าแพ้เสียเต็ม
- 0.5 (ครึ่งลูก):
- ทีมต่อ: ต้องชนะเท่านั้นถึงจะได้เต็ม ถ้าเสมอหรือแพ้เสียเต็ม
- ทีมรอง: ถ้าชนะหรือเสมอได้เต็ม ถ้าแพ้เสียเต็ม
- 0.5-1 หรือ 0.75 (ครึ่งควบลูก):
- ทีมต่อ: ต้องชนะ 2 ประตูขึ้นไปถึงจะได้เต็ม ถ้าชนะ 1 ประตูได้ครึ่ง ถ้าเสมอหรือแพ้เสียเต็ม
- ทีมรอง: ถ้าชนะหรือเสมอได้เต็ม ถ้าแพ้ 1 ประตูเสียครึ่ง ถ้าแพ้ 2 ประตูขึ้นไปเสียเต็ม
- 1 (หนึ่งลูก):
- ทีมต่อ: ต้องชนะ 2 ประตูขึ้นไปถึงจะได้เต็ม ถ้าชนะ 1 ประตูคืนทุน ถ้าเสมอหรือแพ้เสียเต็ม
- ทีมรอง: ถ้าชนะหรือเสมอได้เต็ม ถ้าแพ้ 1 ประตูคืนทุน ถ้าแพ้ 2 ประตูขึ้นไปเสียเต็ม
ตัวอย่างราคาอื่นๆ:
- 1-1.5 หรือ 1.25 (ลูกควบลูกครึ่ง):
- ทีมต่อ: ชนะ 2 ลูกได้เต็ม, ชนะ 1 ลูกเสียครึ่ง, เสมอ/แพ้เสียเต็ม
- ทีมรอง: เสมอ/ชนะได้เต็ม, แพ้ 1 ลูกได้ครึ่ง, แพ้ 2 ลูกเสียเต็ม
- 1.5 (ลูกครึ่ง):
- ทีมต่อ: ชนะ 2 ลูกได้เต็ม, ชนะ 1 ลูก/เสมอ/แพ้เสียเต็ม
- ทีมรอง: ชนะ/เสมอ/แพ้ 1 ลูกได้เต็ม, แพ้ 2 ลูกเสียเต็ม
- 1.5-2 หรือ 1.75 (ลูกครึ่งควบสอง):
- ทีมต่อ: ชนะ 3 ลูกได้เต็ม, ชนะ 2 ลูกได้ครึ่ง, ชนะ 1 ลูก/เสมอ/แพ้เสียเต็ม
- ทีมรอง: ชนะ/เสมอ/แพ้ 1 ลูกได้เต็ม, แพ้ 2 ลูกเสียครึ่ง, แพ้ 3 ลูกเสียเต็ม
ราคาบอลสูง-ต่ำ (Over-Under หรือ O/U)
เป็นการทายผลรวมประตูที่เกิดขึ้นในเกมว่า สูงกว่า หรือ ต่ำกว่า ราคาที่กำหนดไว้ โดยไม่สนใจว่าทีมไหนชนะหรือแพ้
- O/U 2.5 (สูง 2.5 / ต่ำ 2.5):
- สูง: ถ้าผลรวมประตู 3 ลูกขึ้นไป (เช่น 2-1, 3-0)
- ต่ำ: ถ้าผลรวมประตู 2 ลูกลงมา (เช่น 0-0, 1-0, 1-1, 2-0)
ราคาบอล 1×2 (Moneyline)
เป็นราคาที่ง่ายที่สุด คือการทายผลแพ้ ชนะ หรือเสมอ โดยไม่มีการต่อรองเรื่องประตู
- 1: ทายว่าทีมเจ้าบ้านชนะ
- x: ทายว่าผลเสมอ
- 2: ทายว่าทีมเยือนชนะ
ราคา 1×2 จะแสดงเป็นตัวเลขทศนิยม (เช่น 1.80, 2.50) ซึ่งหมายถึงอัตราการจ่ายเงิน เช่น ถ้าคุณเดิมพัน 100 บาทที่ราคา 1.80 แล้วชนะ คุณจะได้เงินคืน 180 บาท (รวมเงินทุน)
ราคาบอลไหล (Odds Movement / Line Movement)
คือการเปลี่ยนแปลงของราคาบอลก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น ราคาบอลจะมีการปรับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบ่งบอกถึงปัจจัยต่างๆ เช่น:
- ข่าวสาร: ผู้เล่นบาดเจ็บ, โดนแบน, การเปลี่ยนโค้ช, ปัญหาภายในทีม
- ฟอร์มการเล่น: ผลงานในนัดที่ผ่านมา
- ตลาดการเดิมพัน: จำนวนเงินที่ไหลเข้าทีมใดทีมหนึ่งมากเป็นพิเศษ
- สภาพอากาศ, สนาม: อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของทีม
การดูราคาบอลไหลเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นักเดิมพันใช้ในการวิเคราะห์ เพราะราคาที่ไหลลงอาจหมายถึงทีมนั้นมีความได้เปรียบมากขึ้น หรือมีข่าวดีบางอย่าง ในขณะที่ราคาที่ไหลขึ้นอาจตรงกันข้าม
วิธีดูตารางราคาบอล:
โดยทั่วไปแล้ว ตารางราคาบอลจะมีลักษณะคล้ายกัน โดยจะมีข้อมูลดังนี้:
- เวลาแข่ง: บอกเวลาที่เกมจะเริ่ม
- ทีมเจ้าบ้าน vs ทีมเยือน: แสดงชื่อทีมที่จะแข่งขัน
- ราคาแฮนดิแคป: ตัวเลขการต่อรอง (มักจะอยู่ตรงกลางระหว่างสองทีม หรือในคอลัมน์เฉพาะ)
- ราคาน้ำ (Odds): ตัวเลขทศนิยมที่แสดงอัตราการจ่ายเงินสำหรับทีมต่อและทีมรอง
- ราคาสูง-ต่ำ: แสดงราคา O/U และราคาน้ำสำหรับสูง/ต่ำ
- ราคา 1×2: แสดงราคาน้ำสำหรับการทายผล 1×2
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ทำความเข้าใจความหมายของแต่ละราคาให้ดี: ก่อนที่จะเริ่มเดิมพัน ควรศึกษาและทำความเข้าใจว่าแต่ละราคาหมายถึงอะไร และส่งผลต่อการได้เสียอย่างไร
- เปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง: ราคาบอลอาจแตกต่างกันไปในแต่ละแพลตฟอร์ม ควรเปรียบเทียบเพื่อหาราคาที่ดีที่สุด
- ติดตามข่าวสารและข้อมูล: การอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับทีม ผู้เล่น ฟอร์มการเล่น จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ราคาบอลได้แม่นยำขึ้น
- ระมัดระวังการเดิมพัน: การเดิมพันมีความเสี่ยง ควรเล่นอย่างมีสติและอยู่ในวงเงินที่กำหนด
- เลือกเล่นกับเว็บพนันถูกกฎหมาย: ถ้าเล่นกับเว็บเอเย่นต์เวลาได้กำไรมากๆ อาจจะโดนโกงได้ ใครไม่เก่งภาษาแนะนำที่ KUBET